วันเสาร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2552

My favorite stuff is ....Mystery.



















































































Mystery thing ==เพือนๆหลายคนคงจะต้องนึกถึง Ghost (ผี)ป็นแน่ๆ เพราะ มีรูปให้ดูเมื่อกี้ตั้งเยอะๆๆ ถูกแล้วล่ะจ่ะ เราชอบเรื่องผีๆ อ่ะ



ผี


เพื่อนๆอย่าเพิ่งกลัวไปนะ... ความจริงเราเองก็กลัวแหละ แต่ชอบๆๆ มานคงจะอารมเดียวกับชอบกินเผ็ด แต่เวลากินทีไรก็เผ็ดอ่ะ



ในความคิดของเรานะ เราว่า ผี เป็นแค่ชื่อเรียกของคน ที่ตั้งขึ้นมาเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วไม่รู้ชื่อคืออะไ รกันแน่..หากมองในแง่ของวิทยาศา สตร์ มีกฏทางฟิสิกห์ หรือในวิชาที่ศึกษาโดยตรงคือ เทอร์โมไดนามิกส์ คือ ผี อาจจะเป็นพลังงานรูปหนึ่งที่มาจ ากมนุษย์ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งกฏของเทอร์โมไดนามิกส์กล่าว ไว้ว่า "พลังงานสามารถเปลี่ยนรูปหรือถู กถ่ายโอนจากที่หนึ่งไปยังอีกที่ หนึ่งได้ แต่ไม่สามารถสร้างขึ้นใหม่หรือท ำลายให้สูญหายไปได้" เช่นเดียวกันกับมนุษย์เมื่อตายไ ปพลังงานนั้นก็ไม่ได้สูญหายไปไห น..ซึ่งโดยปกติไม่สามารถมองเห็น ด้วยตาเปล่า..แต่ถ้าเพื่อนๆอยากจะมองเห็นพลังงานเหล่านี้ด้วยตาเปล่า เพื่อนอาจจะต้องใช้วิธีนำพลังงานเหล่านั้นมา label ด้วย fluorescent แล้วนำพลังงานเหล่านั้นไป expose กับ film ต่อนะ ด้วย UV light อ่ะ ไม่แน่อาจจะมองเห็นก้อได้





..............................น่ากัว น่ากัว..................แต่ก้อไม่ได้ลบหลู่นะเจ้าค่ะ................................




เอาล่ะ....เพื่อเป็นการคลายเครียด มาเล่นจับผิดกันเหอะนะ






ลองดูดีๆนะ มีมากกว่า1


อันนี้เราเอามาจากตัวอย่างหนังผีเรื่องหนึ่งอ่ะ

..................................<<<>>>> และเราก้อจะมาต่อกันในเรื่องลึกลับๆ ในจุฬาฯ กันเนอะ

>>1. " ล๊อกเกอร์ของคณะศิลปกรรมศาสตร์ "> >>>> >> ที่นั่นเคยมีคนเห็นคนนั่งห้อยขาอยู่บนล๊อกเกอร์> >>>> >> ทีแรกเห็นแต่ขาแต่ว่าเมื่อมองขึ้นไปกลับไม่มีตัวตนอยู่เลย> >>>> >>> >>>> >>

2. " ห้องมืด (ห้องล้างฟิลม์) ของคณะนิเทศศาสตร์ "> >>>> >>> >>>>>>เรื่องมีอยู่ว่า....เมื่อก่อนมีรุ่นพี่คนหนึ่งได้เข้าไปล้างฟิลม์ในห้องนี้> >>>> >>> >>>>แล้วไม่ได้กลับออกมาอีกเลย....มีคนเข้าไปหาตั้งหลายครั้งแล้ว> >>>> >> แต่ก็ไม่มีใครพบ...ได้มีนิสิตรุ่นน้องต่อ ๆ มาเล่าให้ฟังว่า> >>>> >> ...ยังมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นอีก เช่น> >>>> >>มีนิสิตได้เข้าไปล้างฟิลม์ในห้องนี้> >>>> >> ขณะที่เข้าไปนั้นก็คิดว่าตนนั้นเข้าไปกับเพื่อน> >>>>ก็มีการพูดคุยกัน> >>>> >> แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบจากเพื่อน...บอกให้หยิบของส่งให้> >>>> >> ก็มีคนหยิบส่งให้.....แต่พอออกมาเห็นเพื่อนของตนอยู่นอกห้อง> >>>> >>> >>>>>>จึงได้รู้ว่าตนเข้าคนเดียว......แล้วใครล่ะที่เป็นคนหยิบของส่งให้.......> >>>> >> ยังคงเป็น ปรินาอยู่.............> >>>> >>> >>>> >>



3. " บันไดวน คณะเภสัชศาสตร์ "> >>>> >> เป็นบันไดที่ปิดตายไม่ใช้แล้ว มีคนเล่าว่ามีคนเคยเห็น> >>>> >> ผู้หญิงใส่ชุดขาว ตลอดทั้งตัวยืนอยู่ที่บันไดนี้> >>>> >>> >>>> >>



4. " ห้อง 415 หอพักนิสิตหญิงจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย "> >>>> >> เล่ากันว่า ถ้าหากวันไหนตื่นขึ้นมาตอนดึกๆ> >>>> >> คนที่ตื่นขึ้นมาจะเห็นผู้หญิงใส่> >>>>ชุดไทยมายืนอยู่ที่ปลายเตียง> >>>> >>> >>>> >>




5. " ดาดฟ้าตึกพยาธิวิทยา "> >>>> >> ตอนดึกๆหรือตอนเย็นๆใกล้ค่ำ ถ้าหากมีใครขึ้นไปบนดาดฟ้า> >>>> >> จะเห็นคนยืนนุ่งชุดสไบสีขาว> >>>> >>> >>>> >>
6. " ทางเดินระหว่างตึกของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ "> >>>> >> ทางเดินที่ว่านี้ มีประวัติอยู่ว่า> >>>> >>สมัยก่อนมีสามีภรรยานักการของคณะสถาปัตย์ได้ทะเลาะกัน> >>>> >>> >>>>>>>>>>....ฝ่ายภรรยาได้เอาปืนยิงสามีจนเสียชีวิต...เลือดสาดไปทั่วหน้าห้องทางเดินนี> >>>้........> >>>> >> ต่อมาเมื่อทางคณะฯ> >>>>ได้มีการปรับปรุงพื้นชั้นหนึ่งได้มีการเทปูนไว้> >>>> >>.......มีแต่เฉพาะหน้าห้องนี้> >>>> >>เท่านั้น> >>>> >> ที่ไม่ยอมแห้ง ทิ้งไว้นานสักเท่าไรก็ไม่ยอมแห้ง> >>>> >>ทางคณะจึงต้องปูไม้กระดานทับไว้อย่าที่เห็นกันทุกวัน> >>>> >>นี้....




อ่า....จบแระๆๆ ไม่เหนจะมีเรื่องผีในคณะเราเรยอ่ะ โชคดีจัง จะได้อยู่คณะได้อย่างสบายใจ กล้ากลับดึกๆๆ
แต่เอ๊ะ!!~ ถ้าเพื่อนๆรู้ เรื่องลึกลับในคณะเรา ช่วยมาบอกเราด้วยนะๆ อยากรู้ๆๆ



..................คราวนี้ ส่งท้ายนะคะ เราจะมาต่อกันด้วย..........



ปล.ควรอ่านเพียงลำพัง ในยามวิกาล



เรื่องลี้ลับนอกสถาบันคะ

เรื่องเล่าผี ๆ จากมหาลัยอื่นๆ> >>>> >>> >>>> >>


เรื่องที่ 1 : ป๊อก ครืด> >>>> >>> >>>> >>เรื่องผีอันดับหนึ่งของ มหาลัยเชียงใหม่ ในแง่ของความเศร้า> >>>> >>ระยะเวลาที่เกิดเหตุการณ์ไม่ทราบแน่ชัด แต่สถานที่เกิดคือ หอ 7> >>>>หญิง> >>>> >>ในสมัยที่ มช. ยังเป็นที่รกร้างอยู่มาก ถนนยังเป็นลูกรัง> >>>ถนนหน้าฝนเป็นโคลนาน> >>>> >>รถไปมาลำบาก ตอนกลางคืนมืด ไม่มีแสงไฟ> >>>> >>เรื่องเกิดกับนักศึกษาสาวคู่หนึ่ง อาศัยอยู่ที่ประมาณ ชั้น 2> >>>>หรือ 3> >>>> >>ของหอหญิงเจ็ด> >>>> >>ช่วงนั้นเป็นช่วงสอบ นักศึกษาต่างกำลังอ่านหนังสือกันอยู่> >>>> >>ประมาณว่านักศึกษาหญิงคนหนึ่งไม่สบาย> >>>>อ่านหนังสือในห้องตอนหัวค่ำือ> >>>> >>แล้วรูมเมทชวนไปทานข้าว แต่เพราะเป็นไข้อยู่ จึงไปไม่ไหว> >>>>อยากพักผ่อน> >>>> >>พอเมทคนนั้นเห็นเพื่อนไม่สบาย ด้วยความเป็นห่วง> >>>> >>จึงบอกว่าเดี๋ยวไปทานข้าวเองก็ได้> >>>> >>แล้วจะห่อข้าวมา ฝากเพื่อนคนที่ไม่สบายก็บอกว่า ฝากซื้อลาดหน้า> >>>> >>(หรือผัดไทซักอย่างที่เป็นเส้นๆ) มาให้ทีละกัน> >>>>กินแล้วจะได้กินยา> >>>> >>เมทคนนั้นก็บอกว่า ได้ เดี๋ยวจะรีบไปรีบกลับ> >>>>หลังจากที่เพื่อนออกไปจากห้อง> >>>> >>เมทคนที่ไม่สบายก็นั่งอ่านหนังสือต่อ> >>>> >>อ่านได้ซักพักก็ไม่ไหวเพราะไข้ขึ้นจึงนอน> >>>> >>ตอนนอนอยู่นั้นสลึมสลือ แต่มีความรู้สึกว่านานมากแล้ว> >>>> >>ทำไมเพื่อยังไม่กลับมาซะที้็ด> >>>> >>ตกดึก ฝนเริ่มตกหนัก เมทคนนั้นก็ตื่นขึ้นมาอ่านหนังสือต่อ> >>>> >>ในใจเป็นห่วงเพื่อนะ> >>>> >>เพราะออกไปนานมากยังไม่กลับ> >>>>ซักพักนักศึกษาคนนั้นได้ยินเสียงเบาๆ> >>>> >>ดังจากชั้นล่างจากทางบันได ” ป๊อก…………ป๊อก………ป๊อก………ป๊อก…….”> >>>> >>เสียงนั้นดังเป็นระยะๆ ใกล้เข้ามา จากทางบันไดดังขึ้นเรื่อยๆ> >>>> >>เสียงเหมือนคนกำลังแบกของหนักบางอย่างขึ้นมา> >>>> >>และเสียงนั้นก็ดังมาจนถึงชั้นที่ห้องนักศึกษาหญิงคนนั้นอยู่> >>>> >>แล้วเสียงก็เปลี่ยนไป “ ครื……..ด……..ครื………..ด…….ค..รื…ด ”> >>>> >>เสียงเหมือนคนกำลังลากอะไรซักอย่างใกล้เข้ามาเรื่อย ๆื> >>>> >>จนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้อง นักศึกษาหญิงเริ่มเอะใจ> >>>>และมองไปทางประตู> >>>> >>ในใจนึกว่าเพื่อนกลับมาแล้ว> >>>>แต่ยังเงียบได้อึดใจนึงก็มีเสียงเคาะห้อง> >>>> >>“ ก๊อก ก๊อก ก๊อก ” แล้วเงียบไป นักศึกษาสะดุ้งสุดตัว> >>>> >>คิดว่าไม่ใช่เพื่อนแน่แล้ว> >>>> >>ถ้างั้นทำไมไม่เปิดเข้ามาเลย จึงเดินไปเปิดประตู> >>>> >>ตรงลูกบิดประตูมีถุงใส่ห่อลาดหน้าแขวนอยู่ พอเห็นห่อลาดหน้า ก็งง> >>>> >>แล้วเพื่อนอยู่ไหน ทำไมไม่กลับมา หรือติดฝนเลยฝากคนอื่นเอามาให้> >>>> >>แต่ทำไมต้องเอามาแขวน ไม่รอเจอกันก่อนจะได้รู้ว่าเป็นใคร> >>>> >>แล้วทำไมเดินเร็วจัง มีแต่รอยเปียกน้ำเป็นทางจากบันได…> >>>> >>.คิดต่าง ๆ นา ๆ แต่แล้วก็แกะห่อลาดหน้าออก ทานเสร็จก็ทานยาตาม> >>>> >>ได้ซักพักก็ม่อยหลับไปล้> >>>> >>> >>>> >>รุ่งเช้า…………….มีคนมาเคาะห้องบอกว่าเพื่อนตายแล้ว> >>>> >>นักศึกษาหญิงคนนั้นถูกฆ่าข่มขืน ตรงพงหญ้าข้างทาง> >>>> >>คาดว่าเหตุเกิดประมาณหัวค่ำ ลักษณะศพสภาพแขนและขาทั้งสองข้างหัก> >>>> >>อาจเกิดจากการที่คนร้ายเอาท่อนไม้ทุบตีเพื่อไม่ให้หนี> >>>> >>นักศึกษาหญิงที่ตายกำลังเดินทางกลับจากตลาดหลังจากทานข้าวเสร็จ> >>>> >>(ไม่แน่ใจว่าเป็นฝายหินหรือตลาดต้นพะยอม)> >>>> >>ทุกทีจะไปกับเพื่อน แต่เพื่อนไม่สบายจึงไปคนเดียว> >>>>โดยเพื่อนฝากซื้อข้าวห่อ> >>>> >>คนร้ายอาจเห็นว่าเป็นคนเดียวจึงลงมือ แล้วลาดหน้าเมื่อคืนล่ะ?> >>>> >>ไม่มีใครรู้คำตอบแน่ชัด แต่จากที่ฟังกันมาคือ> >>>> >>หลังจากที่ตายไปแล้ว ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนเพราะว่าไม่สบาย> >>>>และยังหิว> >>>> >>จึงนำห่อลาดหน้าที่ซื้อมาฝากไปส่งให้แต่จะไปส่งยังไง แขนหัก> >>>>ขาหักหมดว> >>>> >>> >>>> >>แล้วลักษณะที่เขาเล่ามาคือ เพื่อนคนนั้นใช้ปากคาบถุง> >>>> >>แล้วใช้คางเกยพาตัวเองมาจนถึงหอพักแล้วใช้คางเกยบันได> >>>> >>ลากตัวเองขึ้นมา เป็นเสียง “ ป๊อก ป๊อก ” เสียง “ ครืด> >>>>”ที่ได้ยิน> >>>> >>คือเสียงลากตัวเองจากบันได> >>>มาจนถึงหน้าห้องปรากฎเป็นรอยเปียกน้ำยาวติดต่อกัน> >>>> >>หลังจากส่งห่อลาดหน้าให้ได้แล้วก็หมดห่วง….> >>>> >>ตอนแรกทุกคนไม่เชื่อที่นักศึกษาคนนั้นเล่า> >>>> >>แต่หลังจากที่นักศึกษาที่พักอยู่ข้างๆ ห้องยืนยันว่า> >>>> >>ในคืนนั้นได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังยกของหนัก> >>>> >>และลากของหนักจากข้างล่างขึ้นมา> >>>> >>แล้วทุกคนต่างเชื่อสนิทใจ> >>>> >>มิตรภาพอยู่เหนือความตาย….> >>>> >>> >>>>> >>>>>> --------------------------------------------------------------------------> >>>---------------------------------------------------



> >>>> >>เรื่องที่ 2 : เปรตหอนาฬิกา> >>>> >>> >>>> >>จาก มอชอ อีกแล้ว> >>>>อันเนื่องจากเคยเป็นป่าช้าและลานประหารเก่ามาก่อน> >>>> >>ทำให้เรื่องเล่าเรื่องผีทั้งเก่าและใหม่มีมากมาย> >>>> >>เรื่องนี้อยู่ที่หอนาฬิกาใหญ่ ตรงสี่แยกจากประตูหลังมอ> >>>> >>ตรงนั้นจะเป็นวงเวียนสี่แยก ฝั่งตะวันตกเฉียงใต้เป็นคณะวิศวะ> >>>> >>ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้เป็นคณะศึกษา และโรงเรียนสาธิต> >>>> >>ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ เป็น หอ 4 ชาย> >>>> >>และฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือเป็นหอ 6 หญิง> >>>> >>เรื่องนี้เล่ากันว่า ตรงหอนาฬิกา กลางวงเวียน มีเปรต หากไปลองของ> >>>อาจโดนดีได้> >>>> >>วิธีการลองดีคือ ตอนเที่ยงคืน ให้ไปขับรถวนทวนเข็มที่หอนาฬิกา> >>>>สามรอบ> >>>> >>(ปกติวงเวียนจะให้รถขับวนตามเข็มนาฬิกา)> >>>> >>เล่ากันว่า> >>>> >>ผู้ที่ลองทำอย่างนั้นไม่เคยมีใครขับรถทวนเข็มนาฬิกาได้ครบสามรอบซักคน> >>>> >>ผู้มีประสบการณ์เล่าว่าในขณะที่วนรถอยู่นั้น> >>>จะรู้สึกได้ถึงลมที่เย็นผิดปกติ> >>>> >>แต่วนไปรอบสองก็ไม่เกิดอะไรขึ้น มาเกิดตอนที่จะครบรอบที่สาม> >>>> >>จู่ ๆ ก็มีเสาสองต้นมาตั้งขวางถนนอยู่ ทำให้ต้องหักรถหลบ> >>>> >>รถล้มบ้างแฉลบบ้างไปตามๆกัน ใครอยากรู้ก็ลองดูอง> >>>> >>> >>>> >>อีกกรณีหนึ่งมีข่าวอยู่บ่อย ๆ ว่านักศึกษาที่พักอยู่ในหอพักชาย 4> >>>>และหญิง 6> >>>> >>ฝั่งที่ติดกับหอนาฬิกา มักได้ยินเสียงแหลมๆเล็ก> >>>>ดังมาจากทางหอนาฬิกา> >>>> >>สอบถามแล้วคืนนั้น> >>>>เด็กสาธิตไม่มีการทำกิจกรรมและคณะวิศวะไม่มีกิจกรรม> >>>> >>หรือการก่อสร้างใดๆ และที่สำคัญบางห้องได้ยิน> >>>> >>บางห้องไม่ได้ยินทั้งที่อยู่ติดกัน?> >>>> >>เป็นเพียงเรื่องเล่า> >>>> >>> >>>>> >>>>>> --------------------------------------------------------------------------> >>>----------------------------------------------------------

-> >>>> >>เรื่องที่ 3 : ห้องสีชมพู> >>>> >>> >>>> >>มอชอ อีกแล้วครับ เรื่องนี้เกิดที่หอหญิง ไม่แน่ใจว่า 7 หรือ 4> >>>> >>เป็นเรื่องของนักศึกษาหญิงที่เข้ามาพักในหอใน> >>>> >>แล้วไปมีอะไรกับผู้ชายแล้วเกิดพลาดตั้งครรภ์ขึ้นมา> >>>>รู้ตัวเอาตอนท้องได้ 4> >>>> >>เดือนแล้ว> >>>> >>แต่มันยังไม่ป่องออกมาจึงปิดเงียบไม่ให้ใครรู้ แม้แต่เมท> >>>> >>ทำยังไงถึงจะเอาออกได้ พลาดไปแล้ว แต่ไม่อยากเสียอนาคต> >>>> >>ไม่มีเงินทำแท้ง แฟนไม่รับผิดชอบ จึงตัดสินใจเอาออกเองในห้องพัก> >>>> >>โดยเลือกตอนช่วงที่เพื่อนไม่อยู่ ทำเองคนเดียว> >>>>โดยไม่ทราบวิธีการ้อง> >>>> >>ปรากฎว่าผลร้ายกว่าที่คิด นักศึกษาคนนั้นตกเลือดตายในห้อง> >>>> >>เพื่อนมาพบศพตอนเย็น เห็นรอยเลือดกระจัดกระจายติดฝาผนังบ้างก็มี> >>>> >>> >>>> >>หลังจากจัดการเรื่องศพเรียบร้อยแล้ว (รวมถึงทำความสะอาดห้อง)> >>>> >>โดยที่เมทของคนตายก็ย้ายไปอยู่ที่อื่น แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาด> >>>> >>เห็นรอยเลือดสีจางๆ ติดอยู่ที่ผนังสีขาว> >>>>ก็เลยให้คนเอาสีขาวมาทาทับง> >>>> >>วันรุ่งขึ้นเปิดเข้าไปทำความสะอาดรอยเลือดยังมีอยู่เหมือนเดิม> >>>> >>ไม่ว่าจะทำยังไง ทั้งขัด ทั้งถู หรือทาสีใหม่> >>>>รอยเลือดนี้ก็ยังไม่หายไป> >>>> >>จนสุดท้ายทางหอพักจึงต้องนำสีชมพู ไปทาทั้งห้องอย> >>>> >>เพื่อไม่ให้เห็นรอยเลือด กลายเป็นห้องสีชมพูตั้งแต่นั้นมา> >>>> >>ปัจจุบันเป็นห้องเก็บของที่ปิดตาย> >>>>เคยมีแม่บ้านเข้าไปทำความสะอาดที่ห้องนี้> >>>> >>แล้วออกจากห้องไม่ได้ เพราะลูกบิดถูกล๊อค> >>>>(ทั้งที่ตัวล๊อคอยู่ในห้อง)> >>>> >>ลองไปเยี่ยมชมดูได้ครับ หนึ่งความพลาดพลั้งที่ไม่มีอะไรแก้ไขได้> >>>> >>> >>>>> >>>>>> --------------------------------------------------------------------------> >>>-----------------------------------------------------




> >>>> >>เรื่องที่ 4> >>>> >>> >>>> >>รุ่นน้องอยู่หอ 7 หญิงเหมือนกัน เล่าว่า ไปอาบน้ำที่ห้องอาบน้ำ> >>>> >>(รวมตอนกลางคืน) ชั้น 3> >>>> >>เข้าไปอาบน้ำในห้องที่เขากั้นให้อาบน้ำ โดยไปอาบที่ห้องในสุด้ำ> >>>> >>ซักพักได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาอาบน้ำในห้องข้าง ๆี่> >>>> >>ได้ยินเสียงฝักบัว> >>>>แถมยังมีน้ำกระเซ็นเข้ามาที่ห้องตัวเองอาบอยู่อีกต่างหาก> >>>> >>แต่รุ่นน้องอาบน้ำช้า ห้องข้าง ๆ เลยกลับออกไปก่อนง> >>>> >>> >>>> >>พอรุ่นน้องอาบน้ำเสร็จ เปิดห้องออกมา> >>>>ตอนออกก็ต้องเดินผ่านห้องข้าง ๆ> >>>> >>อยู่แล้ว> >>>> >>เพราะตัวเองอาบห้องในสุด แต่ห้องข้าง ๆ> >>>>ไม่มีร่องรอยการอาบน้ำเลย> >>>> >>ตรงฝาผนังและพื้นแห้งสนิท !> >>>> >>> >>>> >>ที่ห้องอาบน้ำชั้น 2 รุ่นพี่ซึ่งแก่กว่าประมาณ 3 ปี> >>>>เล่าให้ฟังว่า> >>>> >>กำลังจะเข้าไปอาบน้ำ ทั้งห้องมีอยู่คนเดียวะ> >>>> >>กำลังจะสระผม รู้สึกว่ามีน้ำกระเด็นมาจากห้องข้างๆ> >>>>แต่ไม่มีเสียงน้ำ> >>>> >>ด้วยความสงสัย จึงหยุดแล้วไปดูห้องข้างๆ> >>>>ก็ไม่เห็นมีน้ำรั่วหรือซึม> >>>> >>ทั้งผนังและเพดาน> >>>> >>เรียบร้อยทุกอย่าง พอเข้าห้องมาจะอาบ น้ำก็กระเซ็นมาอีก...> >>>> >>คราวนี้ไม่อยู่แล้ว เก็บของออกจากห้องน้ำไปเลย ฟังหูไว้หู> >>>> >>> >>>>> >>>>>> --------------------------------------------------------------------------> >>>--------------------------------------------


> >>>> >>เรื่องที่ 5> >>>> >>> >>>> >>ที่ห้องน้ำคณะสังคมศาสตร์ ที่เก่า ๆ หน่อย ลองไปหาดูเอาเอง> >>>> >>ลักษณะห้องน้ำคือ ประตูทางเข้าอยู่ตรงกลาง> >>>> >>เมื่อเข้าไปแล้วโถฉี่จะอยู่ทางซ้ายมือ> >>>> >>ส่วนอ่างล้างหน้า กับกระจกส่องหน้าจะอยู่ทางขวา> >>>> >>รุ่นพี่ที่อยู่คณะสังคมฯ> >>>>เล่าว่ามีคนเล่าให้ฟังว่า(ฟังเขามาอีกต่อหนึ่ง)> >>>> >>ตอนกลางคืนช่วงใกล้สอบ ได้ไปอ่านหนังสือที่คณะสังคมฯงเ> >>>> >>แล้วปวดฉี่เลยไปฉี่ที่ห้องน้ำแห่งนี้> >>>>(เริ่มนึกออกหรือยังว่าห้องน้ำที่ไหน)> >>>> >>ไปเข้าห้องน้ำคนเดียว คนอื่นๆ ก็นั่งอ่านหนังสือต่อรือ> >>>> >>คนไปฉี่ก็เข้าไปฉี่ธรรมดา ในห้องน้ำมีโถฉี่สองอัน> >>>> >>อันแรกติดประตู อันที่สองอยู่ด้านขวา ถัดไปข้างในอีก> >>>> >>เขาบอกว่า ตอนจะฉี่ ก็จะฉี่ที่โถแรก เพราะใกล้าง> >>>> >>แต่ไม่รู้นึกยังไง เลยเดินเลยไปฉี่ที่โถด้านใน> >>>>ตอนกำลังฉี่ก็ยังไม่มีอะไร> >>>> >>แต่ตอนฉี่เสร็จแล้ว มองออกไปที่กระจก> >>>>ภาพในกระจกสะท้อนให้เห็นว่าม่> >>>> >>กำลังมีคนยืนฉี่อยู่ที่โถฉี่อันแรก! (แต่หันหลังให้)> >>>> >>นึกว่าตาฝาดเพราะหันไปดูก็ไม่มีอะไร แต่พอไปดูในกระจก> >>>>ก็เห็นเหมือนเดิม?> >>>> >>> >>>> >>คืนนั้นเลยไม่ได้อ่านหนังสือกันพอดี> >>>> >>พวกขี้เหล้าทั้งหลายที่ชอบไปกินแถวนั้นก็ระวังหน่อยละกัน> >>>> >>> >>>>> >>>>>> --------------------------------------------------------------------------> >>>> ------------------------------------------------------------------------

> >>>> >>เรื่องที่ 6 : ตึกฟิสิกส์> >>>> >>> >>>> >>เรื่องนี้โด่งดังมากในเรื่องความเฮี้ยน แต่ไม่เคยเจอกับตัวซักที> >>>> >>เรื่องมีอยู่ว่า ที่ใต้ถุนตึกฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มช.> >>>>จะมีม้านั่ง> >>>> >>มีที่ให้อ่านหนังสือ> >>>> >>ตอนกลางวันเย็นสบาย แต่ตอนกลางคืนจะเย็นยะเยือกาสตร> >>>> >>เล่ากันว่า มีนักศึกษาหญิงที่ถูกแฟนบอกเลิก ไปผูกคอตายที่นั่น> >>>> >>ประมาณว่าตอนคบกันไปนั่งอ่านหนังสือที่นั่นกันบ่อยๆ> >>>> >>พอคิดสั้นเลยใช้ที่นั่นเป็นที่สุดท้าย> >>>> >>นับแต่นั้น มาเล่ากันว่านักศึกษาคู่ไหนที่เป็นแฟนกัน> >>>> >>แล้วไปนั่งอ่านหนังสือที่นั่น มักจะไม่ได้อ่าน จะโดนกวนตลอด> >>>> >>ถ้านั่งคู่กัน จะรู้สึกว่ามีคนมองข้างหลัง ถ้านั่งตรงกันข้ามกัน> >>>> >>ไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่ง มักจะเห็นอะไรแปลกๆ> >>>> >>ใครที่มีแฟนลองไปนั่งดูนะครับ> >>>> >>> >>>> >>และนานมาแล้ว ที่ มช. นั่นแหละ> >>>> >>สมัยนั้นเวลากลางคืน ดอยสุเทพยังไม่ปิดความนิยม> >>>>(ที่ไม่ค่อยดีเท่าไร)> >>>> >>อย่างหนึ่งก็คือ เวลาเมา ๆ นักศึกษาทั้งหลายมักจะขับรถขึ้นดอยกัน> >>>> >>ไปดูเมืองเชียงใหม่ยามค่ำคืน มันสวยดี> >>>> >>(แต่ดันขับรถตอนเมาไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง)> >>>> >>วันหนึ่งนักศึกษา คณะวิศวะฯ สองคนเพิ่งเลิกจากกังสดาล> >>>> >>(แต่ก่อนร้านนี้ฮิตครับ)> >>>> >>ครึ้ม ๆ ขึ้นมา ก็ขับรถเลยจากทางเข้า มช. กะขึ้นดอยไปชมเมืองเล่น> >>>> >>คนขับก็ขับไป ข้างหลังคนซ้อนก็นั่งไป เมาๆ> >>>>ขึ้นมาคนซ้อนก็เลยหลับ> >>>> >>(สมัยก่อน 80 % นักศึกษาจะขับแมงกะไซค์> >>>>ไม่ใช่รถยนต์อย่างทุกวันนี้)> >>>> >>ซักพักคนซ้อนก็ตื่น กำลังเข้าโค้งพอดี> >>>เห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนโบกรถอยู่ข้างทาง> >>>> >>แต่คนขับก็ขับเลยผ่านไป ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษจัด> >>>>ก็เลยถามคนขับว่าู่> >>>> >>“ ทำไม mung ไม่จอดรถลงไปถามหน่อยล่ะ เผื่อเขามีปัญหาอะไร? ”> >>>> >>" คนขับ kuไม่จอดด้วยหรอก คนนี้เขารอโบกทุกโค้งเลย> >>>>เจอมาหลายโค้งแล้ว> >>>> >> เดี๋ยวโค้งหน้าmungกะku ก็เจอเขาอีกแหละ...”> >>>> >>> >>>> >>เมื่อสมัยที่ผมเรียน หอหญิงจะมีเวลาปิดที่สามทุ่ม> >>>>วันศุกร์-เสาร์> >>>> >>สี่ทุ่มครึ่ง> >>>> >>นักศึกษาหลายๆ> >>>>คนที่กลับเกินเวลาก็ต้องปีนหอแล้วก็คงมีพลาดกันมั่งแหละ> >>>> >>ที่หอ 4 หญิง เล่ากันว่าหลาย ๆ ครั้งคนที่กำลังปีน ๆ> >>>> >>เข้าหอด้วยความเมามันส์รึ่> >>>> >>มักจะเงยหน้าขึ้นไปเจอรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ ที่ระเบียง> >>>> >>เมื่อสบตากัน พี่คนนั้นก็จะบอกว่าญิง> >>>> >>” ...น้อง...อย่าปีนเลย...เดี๋ยวจะเป็นอย่างพี่... ”> >>>> >>แล้วเธอคนนั้นก็จะ replay โดยการร่วงจากชั้นบนลงมาที่พื้นให้น้อง> >>>>ๆ> >>>> >>ชมเป็นตัวอย่าง...> >>>> >>> >>>> >>เค้าว่ากันว่า หอ 7 หญิง เมื่อก่อนมี นักศึกษาอยู่คนนึง> >>>>ขยันเรียนมาก> >>>> >>มักจะออกไปกินข้าาวตอนหัวค่ำ แล้วกลับมาอ่านหนังสือตลอดง> >>>> >>ไม่ค่อยออกไปเที่ยวไหน (ตรงข้ามกะเราเลย)> >>>>วันนึงเค้าก็ออกไปกินข้าวตามปกติ> >>>> >>แต่ไม่ได้ไปพร้อมกับเมทร่วมห้อง ขณะนั้นเมทคนที่ 2 กินข้าวแล้ว> >>>> >>เลยนอนอยู่ในหอ> >>>> >>ส่วนเมทคนที่ 3 อีกคนจะออกไปกินข้าวทีหลัง พอเมทคนที่ 1> >>>>กินข้าวเสร็จ> >>>> >>เธอก็กลับมาอาบน้ำ แล้วนั่งอ่านหนังสือเหมือนเดิม> >>>> >>ประมาณ 3 ทุ่ม เมทคนที่ 2 ลงมาข้างล่าง เจอกับเมทคนที่ 3> >>>> >>บอกว่าเธอคนนั้น (เมทคนที่ 1) เพิ่งโดนรถชนตายที่หน้ามอ> >>>> >>เมทคนที่ 2 นึกว่าล้อเล่น เมทคนที่ 3 เลยพาไปดูที่เกิดเหตุ> >>>> >>แต่เหตุการณ์ไม่จบเพียงแค่นี้ ปรากฎว่าเมื่อเมทคนที่ 2 และ 3> >>>>กลับขึ้นห้อง> >>>> >>เมทคนที่ 1 เธอก็ยังอ่านหนังสืออยู่ที่เดิม เมทคนที่ 2 และ 3> >>>> >>เลยย้ายไปนอนที่อื่น> >>>> >>โดยที่ไม่ได้บอกเธอ แล้วขนของย้ายออกไปเลยในวันรุ่งขึ้น> >>>> >>> >>>> >>แต่ทุกคนในหอนั้นยังเห็นเธอคนนั้นทำกิจวัตรประจำวันตามปกติ> >>>> >>ทุกคนในหอถึงกับจะขนของย้ายออกหมดทั้งปีก (ปีกอื่นก็จะคงเจอ> >>>>แต่ไม่บ่อย)> >>>> >>ร้อนถึงป้าที่ดูแลหอ ต้องนิมนต์พระมาสวด แล้วเอาสายสิญจ์> >>>> >>(อาจจะเขียนผิด ยังไงขอโทษท่านผู้อ่านด้วย)> >>>> >>มาล้อมรอบหอไว้> >>>> >>> >>>> >>คืนนั้นทุกคนที่ผ่านหอ 7> >>>>จะเห็นเด็กผู้หญิงยืนร้องไห้อยู่ตรงระเบียง> >>>> >>ในวันรุ่งขึน ต้องเอาสายสิญจ์ออก แล้วนิมนต์พระมาสวดใหม่> >>>> >>เพราะคาดว่าคราวที่แล้ว เธอโดนสายสิญจ์ล้อมไว้> >>>>เลยออกจากหอไม่ได้ี> >>>> >>> >>>> >>อันนี้เพื่อนเราเจอเอง คือว่าเพื่อนเรานอนตียงชั้น 2> >>>> >>แล้วห่มผ้าห่มไว้ คืนนั้นตอนดึกที่ทุกคนหลับกันหมดแล้ว> >>>> >>ก็รู้สึกว่า มีคนมาดึงผ้าห่มไปเล่น เหมือนมาแกล้ง> >>>> >>เพื่อนเราก็ดึงกลับ แล้วก็โดนดึงไปอีกอยู่หลายหน จนทนไม่ไหวม่> >>>> >>ลืมตาขึ้นมาดูนิดนึง เพราะเริ่มรู้แล้วว่าไม่ใช่คนแน่แล้ว> >>>> >>เห็นเป็นผู้หญิงผมยาว> >>>> >>เป็นเงาดำๆไม่เห็นหน้านั่งอยู่ตรงบันไดขึ้นเตียงตรงปลายเท้า> >>>> >>เพื่อนเลยบอกว่า " ไม่เล่นแล้วจะนอนแล้ว> >>>>เธอคนนั้นก็ดึงผ้าห่มออกไปหมดเลย> >>>> >>เพื่อนเราก้เลยยอมนอนหนาวต่อไปทั้งคืน "> >>>> >>อันนี้ไม่มีอะไรมาก แค่เพื่อนเจอผีอำแบบทะลึ่งๆ มาลูบไล้ซุกไซ้> >>>>กึ๋ย> >>>ผีลามกาย> >>>>> >>>>>> --------------------------------------------------------------------------> >>>--------------------------



> >>>> >>เรื่องที่ 7 : คณะแพทยศาสตร์> >>>> >>> >>>> >>เรื่องพยาบาลในชุดแดงของคณะแพทย์ฯ ม.ช.> >>>> >>เล่าว่ามีนักศึกษาชายคนหนึ่งของคณะแพทย์ฯ> >>>>ทำงานในตึกของฝั่งสวนดอก> >>>> >>(ไม่แน่ใจว่าเป็นโรงพยาบาล หรือตึกแพทย์ คนเล่าไม่ยืนยัน แต่ 2> >>>> >>ตึกนี้ก็ใกล้กัน)> >>>> >>เขาคนนี้ก็ทำงานอยู่จนดึก เสร็จจากงานก็เลยว่าจะลงลิฟต์มา> >>>> >>ระหว่างที่รอ เขาก็ได้ยินเสียงเดินมาข้างๆ> >>>>หันไปมองเห็นพยาบาลคนนึงเดินมา็> >>>> >>ก็ไม่ได้สงสัยอะไร เพราะพยาบาลกับแพทย์ก็ต้องเจอกันบ่อยๆอยู่แล้ว> >>>> >>ระหว่างรอลิฟต์นักศึกษาคนนี้ก็ได้กลิ่นอะไรแปลกๆ> >>>> >>เลยหันไปมองพยาบาลคนนี้ ก็ไม่เห็นมีอะไร> >>>> >>ซ้ำพยาบาลคนนี้ยังยิ้มให้ด้วย สักพักต่อมาเมื่อเข้าไปในลิฟต์แ> >>>> >>พยาบาลคนนี้ก็ถามว่า " มาทำอะไรดึกๆ อย่างนี้ "> >>>> >>เขาเลยตอบว่า " มาศึกษาเรื่องการผ่าตัดภายใน เพราะว่าจะสอบ "> >>>> >>พยาบาลคนนี้เลยบอกว่า " งั้นให้ฉันช่วยนะ "> >>>> >>นักศึกษาคนนี้ก็เลยงง และเริ่มสังเกตว่า> >>>> >>ที่คอของพยาบาลสาวเริ่มมีเลือดไหลออกมาจากคอเรื่อยๆ> >>>> >>เขาตกใจมาก และพยายามที่จะหนีออกมาจากลิฟต์> >>>> >>แต่ลิฟต์เหมือนค้าง หรืออะไรไม่ทราบได้> >>>> >>เลือดยังไหลนองไปทั่วชุดของนางพยาบาลคนนี้> >>>> >>แล้วเธอก็เริ่มสอนนักศึกษาแพทย์คนนี้ ตั้งแต่ลำไส้ ปอด สมอง> >>>>หัวใจาง> >>>> >>พร้อมทั้ง ควักส่วนต่าง ๆ เหล่านี้ออกมา้ง> >>>> >>> >>>> >>รุ่งขึ้นมีคนพบนักศึกษาชายคนนี้นอนอยู่ที่ประตูลิฟต์ซึ่งเปิดคาอยู่> >>>> >>แล้วเขาก็เอาแต่พร่ำเพ้ออย่างคนบ้าว่า ” พยาบาลชุดแดง> >>>>พยาบาลชุดแดง




สุดท้ายและท้ายสุดนะคะ โมจิขอขอบคุณทุกดวงวิญญาณและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ที่โมจิได้กล่าวถึงและนำมาลง blog นี้
สิ่งที่โมจิได้ทำไปก็ขออภัย ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ถ้าเกิดอาจจะเป็นการลบหลู่ หรือ รบกวนดวงวิญญาณและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย สิ่งที่โมจิทำไปนั้นเจตนาเพื่อการศึกษาและให้ความรู้เพื่อนๆเพียงเท่านั้น ไม่ได้เจตนาลบหลู่หรือรบกวนแต่อย่างใดคะ
ขอขอบคุณ และ ขอโทษ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ